34 สถานที่สุดน่าทึ่งในออสเตรเลีย
คราวนี้ไปดู 34 สถานที่น่าทึ่ง สุดมหัศจรรย์จากประเทศออสเตรเลียกันบ้าง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศออสเตรเลียถึงเป็นอันดับหนึ่งในโลกที่มีสถานที่ที่สวยงามที่สุด
ทะเลสาบนมเย็น (Lake Hillier) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ในเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะ Recherche Archipelago ที่ประกอบไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย 105 เกาะ ที่อยู่ทางตะวันตกของ ออสเตรเลีย
สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้โดดเด่นกว่าทะเลสาบอื่นบนเกาะก็คงเป็นสีน้ำในทะเลสาแห่งนี้ที่มีสี ชมพูหวานเหมือนนมเย็น น้ำในทะเลสาบมีสีถาวรแม้ตักขึ้นมาเก็บไว้ในภาชนะสีก็ไม่จางหาย ทะเลสาบแห่งนี้มีความยาวประมาณ 600 เมตร มีขอบแคบๆที่ปกคลุมเนินทรายและต้นไม้ที่แยกทะเลสาบออกจากทะเลด้านนอก ขอบทะเลสาบปกคลุมไปด้วยแผ่นเกลือสีขาว ถัดขึ้นไปโดยรอบเป็นป่าต้น Paperbark และต้น Eucalypt ปกคลุมหนาแน่น ทะเลสาบแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกโดยกัปตัน Matthew Flinders ขณะเมื่อเขาขึ้นไปยังจุดสูงสุดของเกาะในปี 1802
น้ำในทะเลสาบถูกนำไปวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังไม่สามารถหาสาเหตุของปรากฎการณ์ประหลาดนี้ได้ว่าเกิดจากอะไรน้ำถึงเป็นสีชมพู มีสมมุติฐานมากมายแต่ที่ฟังดูมีเหตุผลมากที่สุด สีชมพูนมเย็นนี้น่าจะเกิดจากผลมาจากสภาพน้ำที่มีเกลือเข้มข้น มีสารอาหารค่อนข้างต่ำ ทั้งในน้ำยังมีแบคทีเรียและสาหร่ายมากมายหลายชนิดอาศัยอยู่ ทั้งหลายทั้งปลงทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้
เครดิต : teen.mthai
2. The crystal-clear diving waters of the Piccaninnie Ponds (ถ้ำสุดมหัศจรรย์)
Piccaninnie Ponds Conservation Park เป็นหนึ่งในถ้ำที่มีชื่อเสียงของโลกและระบบความแตกต่างที่พบตามแนวชายฝั่งหินปูน 491 กม. ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียใต้ทุนแอดิเลด นักดำน้ำผู้บุกเบิกในท้องถิ่นได้รับการเยี่ยมชมตั้งแต่ 1962 กลับมาแล้ว ที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชน้ำ, ปลา, เต่า, นกน้ำ และสัตว์มากมาย เปรียบเสมือนโอเอซิสของสัตว์น้ำก็ว่าได้
3. The vistas and overlooks of ‘The Great Ocean Road (เส้นทางในฝันกับวิวทิวทัศน์ Great Ocean)
ขับรถชมธรรมชาติตลอดเส้นทางสาย Great Ocean Road อันงดงาม ที่คดเคี้ยวเลียบชายฝั่ง Southern Ocean อันเวิ้งว้างจาก Geelong ไปยัง Portland ขับรถชมธรรมชาติตลอดเส้นทางสาย Great Ocean Road อันงดงาม ที่เลาะเลียบชายฝั่ง Southern Ocean อันเวิ้งว้างจาก Geelong ไปยัง Portland ดินแดนที่มีความหลากหลายน่าทึ่งแห่งนี้ มีทั้งหาดสำหรับเล่นเซิร์ฟ ท่าเรือประวัติศาสตร์ จุดชมวาฬ เทือกเขาที่งดงามชวนตะลึง ป่าฝนและอุทยานแห่งชาติ
ชมคลื่นยักษ์ที่ Bells Beach และพักผ่อนอย่างสำราญใจบนหาดทรายสีทองของ Lorne เยี่ยมชมถิ่นพำนักสำคัญของชาวอะบอริจินใกล้กับ Tower Hill หรือชมซากเรืออับปางใกล้กับหมู่บ้านชาวประมง Port Fairy ที่พลาดชมไม่ได้อย่างแน่นอน คือเสาหินปูนขรุขระ Twelve Apostles ที่ตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขามบนฝั่งมหาสมุทร Southern Ocean
4. As well as the Twelve Apostles rock formations found there (ไปดูหินทั้ง 12 ที่ Great Ocean)
5. The stunning Katherine Gorge in the Northern Territory (หุบเขาที่สวยงามในดินแดนทางเหนือ)
6. Claustral Canyon in the Blue Mountains (Claustral ในหุบเขาสีฟ้า)
7. The unique, weather-beaten ‘Remarkable Rocks’ of Kangaroo Island (ก้อนหินอันโดดเด่น แห่งดินแดนจิงโจ้)
8. Oh, also the kangaroos of Kangaroo Island (ไปดูจิงโจ้ที่ เกาะ Kangaroo)
9. The beautiful beaches of the Whitsunday Islands (ชายหาดอันแสนสวยที่ หมู่เกาะ Whitsunday Islands)
หมู่เกาะ Whitsunday มีเกาะต่าง ๆ อยู่ 74 เกาะ รายล้อมด้วยพื้นที่มรดกโลกแนวปะการัง Great Barrier Reef และผืนน้ำที่ปลอดภัยจากคลื่นลมในทะเล Coral ด้วยหาดทรายสีขาวอันเงียบสงบที่รายล้อมด้วยต้นปาล์มล้อมรอบด้วยน้ำสีฟ้าใส หมู่เกาะ Whitsunday คือสวรรค์ในเขตร้อนชื้นอย่างแท้จริง
10. The breaching whales at the Head of Bight (ดูวาฬเล่นน้ำ)
11. The misty forests of the Dandenong Ranges (ป่าหมอก Dandenong Ranges)
12. The azure beauty of Lord Howe Island (ความงามสีฟ้าของเกาะ Lord Howe)
เกาะ Lord Howe เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของภูเขาไฟใต้น้ำเป็นระยะเวลาหลายล้านปี มีระบบนิเวศวิทยาที่น่าทึ่ง อันได้แก่ ชายหาดสีขาวที่ไม่เสื่อมโทรม และทะเลสาบน้ำเค็มสีเขียวน้ำเงินอ่อนที่ล้อมรอบด้วยแนวปะการังที่อยู่ทางใต้สุดของโลก เดินลุยน้ำจากหาดไปดำน้ำตื้นกับ ปลาบลูฟิช ปลาเทวดา และปลานกแก้วสีรุ้ง และปะการังขนาดยักษ์ทั้งสีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีม่วง นอกชายฝั่งมีแหล่งดำน้ำลึกกว่า 50 แห่งที่เต็มไปด้วยเต่าสีเขียวตลอดจนปะการังและปลาหลากสีสัน อีกด้านของเกาะแห่งนี้เป็นที่ตกปลาและโต้คลื่นที่ได้รับความนิยม และเมื่อยามน้ำลงคุณสามารถให้อาหารปลากับมือคุณได้ที่หาด Ned’s
13. The waters of Shark Bay in Western Australia (ทิศตะวันตกของ Australia)
14. The remote beauty of Uluru (โขนหิน Uluru ที่ชนบทอันห่างไกล)
โขดหินอุลูรู (อังกฤษ: Uluru) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า"หินแอร์ส"(Ayers Rock) ชื่ออุลูรูเป็นชื่อทางการซึ่งใช้ในปัจจุบันเป็นภาษาอะบอริจินี ส่วนชื่อหินแอร์สนั้นตั้งตามชื่อ เซอร์เฮนรี แอร์ส นายกรัฐมนตรีของเซาธ์ออสเตรเลีย ซึ่งตั้งไว้ในปี ค.ศ. 1873 โขดหินอุลูรู ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศออสเตรเลีย เป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่โผล่จากพื้นดินโดดๆซึ่งสามารถมองเห็นได้ไกลกว่า 100 เมตร มีขนาดความสูง 348 เมตร เส้นรอบวงที่ฐานวัดได้ 9 กิโลเมตร จัดได้ว่าเป็นโขดหินที่ใหญ่ทีสุดในโลก ลักษณะเป็นหินทรายสีแดงเป็นหินอาร์โคส มีปริมาณแร่ฟันม้าหรือแร่เฟลด์สปาร์อยู่มาก มีสภาพการกัดเซาะของฝนและลมตามธรรมชาติ มีถ้ำและแอ่งน้ำ บริเวณผิวนอกของหินโดนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้เกินผิวนอกแตกหลุดออกเป็นสะเก็ดและร่วมลงมาที่พื้นทับถมกันเป็นกำแพงภูเขาขนาดใหญ่ สีสันของหินเปลี่ยนแปลงตามเวลาซึ่งในแต่ละช่วงมีสีแตกต่างกัน ในตอนกลางวันแสงอาทิตย์เจิดจ้าทำให้มีแดง แต่พอตกเย็นสีสันจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง
15. The cliffs of the Great Australian Bight (หน้าผาที่ยิ่งใหญ่ที่ Great Australian Bight)
16. The abundant wildlife on the Great Barrier Reef (ชมความอุดมสมบูรณ์ของ Great Barrier Reef)
เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (อังกฤษ: Great Barrier Reef) เป็นพืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของทะเลคอรัล เริ่มตั้งแต่แหลมยอร์ก (Cape York) ซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ลงมาถึงบันดะเบอร์ก (Bundaberk) ทางตอนใต้ ครอบคลุมดูแลพื้นที่ 215,000 ตารางไมล์ หรือ 345,000 ตารางกิโลเมตร ของน่านน้ำรอบ ๆ แนวปะการัง และแนวปะการังใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ แนวปะการังเหนือ (Northern Reef) หมู่เกาะวิตซันเดย์ (Whitsunday Island) และแนวปะการังใต้ (Southern Reef)
17. The deep forests of the Yarra Ranges (ป่าลึก แห่งเทือกเขา Yarra)
18. The aptly named Cleft Island (เกาะแหว่ง หรือหินกระโหลก Cleft Island)
19. As well as the rest of Wilsons Promontory (ชมส่วนที่เหลือของแหลมวิลสัน)
20. The awe-inspiring Painted Cliffs in Tasmania (ศิลปะหน้าผาในรัฐแทสเมเนีย)
21. Dusk over Wallaman Falls in Queensland (ยามค่ำคืนที่ Wallaman Falls ในควีนแลนด์)
22. The peaks of the Australian Alps (พิชิตยอดเขาที่ เทือกเขาแอลป์)
23. And the Glasshouse Mountains (เที่ยวชม Glasshouse Mountains)
24. The imposing dolerite columns of Tasman Island (ดูความสง่างามของเกาะ Tasman)
25. The breath-taking depths of King’s Canyon (ตื่นตากับหินผาที่ Kings Canyon)
26. The falls of Kakadu National Park (อุทยานแห่งชาติ Kakadu)
27. The overlooks of Wineglass Bay in Tasmania (ดูอ่าว Wineglass ในรัฐแทสเมเนีย)
28. The beaches of Fraser Island (ชมชายหาดที่ Fraser Island)
29. The tropical Daintree Rainforest in Queensland (ป่าฝนเขตร้อน ใน Queensland)
30. The colorful Gold Coast (สีสันแห่งเมือง Gold Coast)
31. The metropolitan beauty of Sydney Harbour (ความสวยงามของ Sydney Harbour)
32. Sunrise over Brisbane (ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Brisbane)
33. And sunset in Perth (และชมพระอาทิตย์ตกใน Perth)
34. And, of course, the sprawling Australian Outback in between (และท่องไปยังสถานที่ห่างไกล อีกมากมายไม่รู้จบ)
เป็นศูนย์รวมความสุดยอดจริงๆ กับออสเตรเลีย พัฒนาไปควบคู่กับการอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนี้ นับถือประเทศเขาจริงๆ ไทยเราต้องเอาอย่างน้า ^^
เครดิต : architecturendesign.net
9. The beautiful beaches of the Whitsunday Islands (ชายหาดอันแสนสวยที่ หมู่เกาะ Whitsunday Islands)
หมู่เกาะ Whitsunday มีเกาะต่าง ๆ อยู่ 74 เกาะ รายล้อมด้วยพื้นที่มรดกโลกแนวปะการัง Great Barrier Reef และผืนน้ำที่ปลอดภัยจากคลื่นลมในทะเล Coral ด้วยหาดทรายสีขาวอันเงียบสงบที่รายล้อมด้วยต้นปาล์มล้อมรอบด้วยน้ำสีฟ้าใส หมู่เกาะ Whitsunday คือสวรรค์ในเขตร้อนชื้นอย่างแท้จริง
10. The breaching whales at the Head of Bight (ดูวาฬเล่นน้ำ)
11. The misty forests of the Dandenong Ranges (ป่าหมอก Dandenong Ranges)
12. The azure beauty of Lord Howe Island (ความงามสีฟ้าของเกาะ Lord Howe)
เกาะ Lord Howe เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาของภูเขาไฟใต้น้ำเป็นระยะเวลาหลายล้านปี มีระบบนิเวศวิทยาที่น่าทึ่ง อันได้แก่ ชายหาดสีขาวที่ไม่เสื่อมโทรม และทะเลสาบน้ำเค็มสีเขียวน้ำเงินอ่อนที่ล้อมรอบด้วยแนวปะการังที่อยู่ทางใต้สุดของโลก เดินลุยน้ำจากหาดไปดำน้ำตื้นกับ ปลาบลูฟิช ปลาเทวดา และปลานกแก้วสีรุ้ง และปะการังขนาดยักษ์ทั้งสีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีแดง และสีม่วง นอกชายฝั่งมีแหล่งดำน้ำลึกกว่า 50 แห่งที่เต็มไปด้วยเต่าสีเขียวตลอดจนปะการังและปลาหลากสีสัน อีกด้านของเกาะแห่งนี้เป็นที่ตกปลาและโต้คลื่นที่ได้รับความนิยม และเมื่อยามน้ำลงคุณสามารถให้อาหารปลากับมือคุณได้ที่หาด Ned’s
13. The waters of Shark Bay in Western Australia (ทิศตะวันตกของ Australia)
14. The remote beauty of Uluru (โขนหิน Uluru ที่ชนบทอันห่างไกล)
โขดหินอุลูรู (อังกฤษ: Uluru) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า"หินแอร์ส"(Ayers Rock) ชื่ออุลูรูเป็นชื่อทางการซึ่งใช้ในปัจจุบันเป็นภาษาอะบอริจินี ส่วนชื่อหินแอร์สนั้นตั้งตามชื่อ เซอร์เฮนรี แอร์ส นายกรัฐมนตรีของเซาธ์ออสเตรเลีย ซึ่งตั้งไว้ในปี ค.ศ. 1873 โขดหินอุลูรู ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศออสเตรเลีย เป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่โผล่จากพื้นดินโดดๆซึ่งสามารถมองเห็นได้ไกลกว่า 100 เมตร มีขนาดความสูง 348 เมตร เส้นรอบวงที่ฐานวัดได้ 9 กิโลเมตร จัดได้ว่าเป็นโขดหินที่ใหญ่ทีสุดในโลก ลักษณะเป็นหินทรายสีแดงเป็นหินอาร์โคส มีปริมาณแร่ฟันม้าหรือแร่เฟลด์สปาร์อยู่มาก มีสภาพการกัดเซาะของฝนและลมตามธรรมชาติ มีถ้ำและแอ่งน้ำ บริเวณผิวนอกของหินโดนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้เกินผิวนอกแตกหลุดออกเป็นสะเก็ดและร่วมลงมาที่พื้นทับถมกันเป็นกำแพงภูเขาขนาดใหญ่ สีสันของหินเปลี่ยนแปลงตามเวลาซึ่งในแต่ละช่วงมีสีแตกต่างกัน ในตอนกลางวันแสงอาทิตย์เจิดจ้าทำให้มีแดง แต่พอตกเย็นสีสันจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง
15. The cliffs of the Great Australian Bight (หน้าผาที่ยิ่งใหญ่ที่ Great Australian Bight)
16. The abundant wildlife on the Great Barrier Reef (ชมความอุดมสมบูรณ์ของ Great Barrier Reef)
เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (อังกฤษ: Great Barrier Reef) เป็นพืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลก ยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย หรือตอนใต้ของทะเลคอรัล เริ่มตั้งแต่แหลมยอร์ก (Cape York) ซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปทางเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ลงมาถึงบันดะเบอร์ก (Bundaberk) ทางตอนใต้ ครอบคลุมดูแลพื้นที่ 215,000 ตารางไมล์ หรือ 345,000 ตารางกิโลเมตร ของน่านน้ำรอบ ๆ แนวปะการัง และแนวปะการังใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ แนวปะการังเหนือ (Northern Reef) หมู่เกาะวิตซันเดย์ (Whitsunday Island) และแนวปะการังใต้ (Southern Reef)
17. The deep forests of the Yarra Ranges (ป่าลึก แห่งเทือกเขา Yarra)
18. The aptly named Cleft Island (เกาะแหว่ง หรือหินกระโหลก Cleft Island)
19. As well as the rest of Wilsons Promontory (ชมส่วนที่เหลือของแหลมวิลสัน)
20. The awe-inspiring Painted Cliffs in Tasmania (ศิลปะหน้าผาในรัฐแทสเมเนีย)
21. Dusk over Wallaman Falls in Queensland (ยามค่ำคืนที่ Wallaman Falls ในควีนแลนด์)
22. The peaks of the Australian Alps (พิชิตยอดเขาที่ เทือกเขาแอลป์)
23. And the Glasshouse Mountains (เที่ยวชม Glasshouse Mountains)
24. The imposing dolerite columns of Tasman Island (ดูความสง่างามของเกาะ Tasman)
25. The breath-taking depths of King’s Canyon (ตื่นตากับหินผาที่ Kings Canyon)
26. The falls of Kakadu National Park (อุทยานแห่งชาติ Kakadu)
27. The overlooks of Wineglass Bay in Tasmania (ดูอ่าว Wineglass ในรัฐแทสเมเนีย)
28. The beaches of Fraser Island (ชมชายหาดที่ Fraser Island)
29. The tropical Daintree Rainforest in Queensland (ป่าฝนเขตร้อน ใน Queensland)
30. The colorful Gold Coast (สีสันแห่งเมือง Gold Coast)
31. The metropolitan beauty of Sydney Harbour (ความสวยงามของ Sydney Harbour)
32. Sunrise over Brisbane (ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ Brisbane)
33. And sunset in Perth (และชมพระอาทิตย์ตกใน Perth)
34. And, of course, the sprawling Australian Outback in between (และท่องไปยังสถานที่ห่างไกล อีกมากมายไม่รู้จบ)
เป็นศูนย์รวมความสุดยอดจริงๆ กับออสเตรเลีย พัฒนาไปควบคู่กับการอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมให้อุดมสมบูรณ์ได้ขนาดนี้ นับถือประเทศเขาจริงๆ ไทยเราต้องเอาอย่างน้า ^^
เครดิต : architecturendesign.net